ช่วงนี้ต้าร์กำลังวางแผนขับรถเที่ยว 2ทริปด้วยกัน ทริปแรกจะไปอาทิตย์หน้านี้แล้วกับเพื่อนสาวที่จะบินมาหาจากเบลเยี่ยม เราสองคนกะกันว่าจะขับรถไปเที่ยวประเทศสโลวีเนียและโครเอเชียกันค่ะ และทริปที่ 2 จะเป็นทริปตามรอยการขี่จักรยานทางไกล Trieste – Vienna 450 kilometers ที่บริษัทของสามีจัดและสามีจะเข้าร่วมด้วย เดินทางในช่วงกลางเดือนเมษายน
ดังนั้น ต้าร์ก็เลยจะต้องเตรียมวางแผนเกี่ยวกับเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆ ให้พร้อมก่อนการเดินทาง ก่อนอื่นต้าร์ต้องบอกก่อนว่าไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการขับรถท่องเที่ยวอะไรมากมายนัก มีประสบการณ์การขับรถท่องเที่ยวก็เพียงแค่ในบางประเทศในยุโรป ได้แก่ ไอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี สโลวีเนีย โครเอเชีย และ ออสเตรีย แต่เนื่องจากต้าร์ตอนนี้มาอาศัยอยู่ที่เมืองชายแดนอิตาลี เมืองทรีเอสเต้ Trieste นี้ ก็เลยมีโอกาสได้ไปขับรถเที่ยว สี่ประเทศหลังนี้บ่อยกว่าที่อื่นๆ จึงคิดว่าน่าจะมาเขียนแบ่งปันข้อมูลไว้ในบล็อกนี้บ้าง ต้าร์จะเขียนเฉพาะเท่าที่พอรู้เกี่ยวกับการขับรถใน อิตาลี สโลวีเนีย โครเอเชีย และออสเตรีย เท่านั้นค่ะ ประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้ขับรถเที่ยวแต่เที่ยวด้วยวิธีอื่นๆ ก็จะไม่กล่าวถึง
การเช่ารถขับ
ปกติต้าร์ขับรถในแถบโซน อิตาลีเหนือ สโลวีเนีย โครเอเชี่ย และออสเตรีย ด้วยรถยนต์ของตัวเอง แต่ถ้านั่งเครื่องบินไปที่อื่นก็จะเช่ารถขับด้วยเหมือนกัน ล่าสุดที่ไปเช่าขับมาก็คือ เกาะ Sicily เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง เป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีมากและการเช่ารถก็ทำให้การเดินทางต่างๆ สะดวกสบาย รวดเร็ว และเป็นอิสระมาก อยากไปไหนก็ไปได้ในที่ที่เราต้องการไป - การเช่ารถขับก่อนอื่นต้องมีใบขับขี่ในที่นี้คุณเป็นนักท่องเที่ยวมาจากเมืองไทย ก็ต้องใช้ใบขับขี่สากล ทำมาจากเมืองไทยค่ะ เคยอ่านหลายคนที่ไปทำมา เห็นว่าทำได้ง่ายมาก ราคาเพียง 500 บาทเท่านั้น เตรียมเอกสารให้พร้อม วันเดียวก็ได้ค่ะ
- ต้องมีอายุอย่างน้อย 21 ปีขึ้นไปถึงจะสามารถเช่ารถได้ และถ้าหากมีอายุน้อยกว่า 25 ปี ส่วนใหญ่บริษัทเช่ารถจะมีการชาร์ทเพิ่ม young driver surcharge ถ้าอายุเกิน 25 ก็ราคาปกติค่ะ
- การเลือกบริษัทเช่ารถ จริงๆ หลายบริษัทใหญ่ๆ ต้าร์คิดว่าคุณภาพก็พอๆ กันทั้งนี้คุณก็ต้องมาพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมเอาเอง อาทิ ราคา ที่รับรถ-ส่งรถเหมาะสมกับเส้นทางที่คุณจะไปหรือไม่ ค่าประกันต่างๆ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นต้น บริษัทที่ต้าร์เคยใช้ก็คือ economycarrentals.com และ rentalcars.com มีเจ้าหน้าที่คนไทยดูแลด้วยค่ะ ซึ่งเป็นเหมือนเอเจ้นต์ของบริษัทใหญ่ๆ ต่างมารวมกันทั้ง hertz, Avis, sixt, budget, europcar ราคาก็พอๆ กัน คุณลองดูราคาเปรียบเทียบในเวป แล้วก็ไปดูเวปของแต่บริษัทโดยตรงก็ได้ค่ะ
- ถ้าเป็นไปได้ควรจะเช่าล่วงหน้าก่อนมาเที่ยวซักเดือนสองเดือน โดยเฉพาะท่านที่ต้องการเกียร์ออโต้ เพราะส่วนใหญ่บริษัทเช่ารถจะมีให้แต่เกียร์ธรรมดาประมาณ80 เปอร์เซนต์ เกียร์ออโต้จะหมดเร็วมาก
- พิจารณาเงื่อนไขการเช่าต่างๆ ให้ดี รถเช่าในยุโรปส่วนใหญ่จะอนุญาตให้มีผู้ขับขี่คนที่2 ได้(อีกคนก็ต้องมีใบอนุญาตสากลมาด้วยนะคะ) จะได้เปลี่ยนกันขับ แต่ทั้งนี้ควรถามกับบริษัทก่อนเพราะเค้าอาจจะชาร์ทราคาตรงนี้เพิ่ม
- การประกันความเสียหาย รถเช่าจะมีประกันอุบัติเหตุพื้นฐานให้อยู่แล้ว แต่ครอบครัวต้าร์มักจะซื้อเพิ่มเติมประกัน(excess protection)ให้ครอบคลุมความคุ้มครองทั้งหมด(ราคาแล้วแต่เงื่อนไขของแต่บริษัทต่างๆ ที่เคยเช่าที่ซิซิลี เราจ่ายเพิ่มประมาณวันละ 5.75 ยูโร) เพราะเราไม่รู้ว่าหากเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรขึ้น เราจะได้ไม่ต้องมาเสียเงินจำนวนมาก นอกนั้นก็จะมีประกันขโมยของ ประกันกระจกแตก และอื่นๆ ทั้งนี้ก็แล้วแต่คุณค่ะว่าจะซื้อความคุ้มครองพวกนี้เพิ่มเติมไม๊
- ตอนตรวจรับรถควรจะถ่ายรูปรถเก็บไว้ โดยเฉพาะรถที่มีรอยขูดขีดอยู่แล้วเป็นหลักฐานเก็บไว้ที่ตัวเอง แล้วควรตรวจสอบก่อนเซ็นต์ชื่อรับรถว่าพนักงานจ่ายรถได้ทำการบันทึก (Mark) พวกรอยขีดข่วน ถลอกหรือบุบที่ติดมากับรถ ลงในบันทึกรับรถหรือไม่ทุกครั้ง ตอนคืนรถจะได้ไม่เป็นที่ถกเถียงกัน ว่ารอยชนต่างๆ นั้น มากับรถก่อนหน้านั้นหรือคุณเป็นคนทำ
- GPS สำคัญมาก ถ้าไม่มีมาเองควรจะเช่าจากบริษัทเช่ารถ ในยุโรปจะนิยมใช้ยี่ห้อ Tom Tom ควรศึกษาวิธีการใช้จากคู่มือที่ให้มาให้ดีก่อน แต่จริงๆ ใช้ไม่ยากค่ะ แล้วก็ควรซื้อแผนที่เตรียมมาเองด้วยเพื่อดูประกอบกัน
- สำหรับการเช่ารถในโครเอเชีย ถ้าท่านมาเที่ยวโครเอเชียแล้วอยากจะเอารถขึ้นเรือเฟอร์รี่ไปเที่ยวตามเกาะ ต่างๆ ควรเช็คกับบริษัทเช่ารถก่อนว่าทำได้หรือไม่ เงื่อนไขการเช่ารถส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้รถขึ้นเรือ อีกข้อนึงก็คือ ถึงแม้ว่าจะเช่ารถ จะสามารถเดินทางข้ามระหว่างประเทศในยุโรปได้ แต่ก็มีข้อยกเว้นกับประเทศnon-eu อย่าง เช่น Montenegro and Bosnia หรือ serbia เป็นต้น หากจะข้ามไปเที่ยวประเทศพวกนี้ ควรแจ้งบริษัทเช่ารถว่าไปได้หรือไม่ หรืออาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
การขับรถ และกฏจราจรต่างๆ
- ถนนในยุโรป รวมทั้ง อิตาลี ออสเตรีย สโลวีเนีย และ โครเอเชีย ขับรถชิดทางด้านขวา ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทย อังกฤษ และไอร์แลนด์ ที่ขับรถชิดด้านซ้าย
กำหนดความเร็ว Speed limits ในภูมิภาคนี้โดยทั่วไปค่อนข้างคล้ายกัน ทั้งนี้ต้าร์เอาของอิตาลีมาเป็นหลัก คือ
- เขตชุมชนหรือในเมือง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือบางทีก็ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าทางแคบ หรือกำลังก่อสร้างถนน
- ถนนระดับเขตหรือจังหวัด Urban จำกัดความเร็วที่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ถนนระดับภูมิภาค Regional ที่วิ่งเลนเดียว จำกัดความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้ามีสองเลน Dual Carriageway ที่สามารถสวนกันได้โดยไม่ไปกินเลนฝั่งตรงข้าม จำกัดความเร็วที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ถนนมอเตอร์เวย์ จำกัดความเร็วที่ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ในสภาวะอากาศที่ไม่ดี Speed limit ก็จะลดลงตามทัศนวิสัยและสภาวะถนน เช่น มีหมอกลง ฝนตกหนัก หรือหิมะตก เป็นต้น
- เด็กอายุตั้งแต่ 0-4ขวบจะต้องจัดให้นั่งในcarseat ที่เหมาะสมกับอายุเด็ก ส่วนเด็ก4-12 ให้ใช้ Booterseat และต้องนั่งด้านหลังเสมอ
- เอกสารใบขับขี่ ผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องมีใบขับขี่ที่เหมาะสมติดตัวเสมอ พร้อมทั้งเอกสารของรถยนต์ เช่น เอกสารการเช่ารถเป็นต้น อย่าลืมพาสปอร์ตด้วยค่ะ
- การเติมน้ำมันปั้มน้ำมันเปิดบริการ และส่วนใหญ่จะเป็นระบบSelf service ต้องเติมน้ำมันเองแล้วจ่ายเงินที่แคชเชียร์ด้านในราคาน้ำมันในยุโรปถึงแม้ราคาแพงแต่ก็ไม่แพงกว่าเมืองไทยมากมาย เช่น เบนซิน Unlead 95 ขึ้นลงตามราคาตลาด ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ1.7 ยูโรต่อลิตร ปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ในอิตาลี สโลวีเนีย โครเอเชีย รับบัตรเครดิต แต่ก็ควรจะเตรียมเงินสดไว้บ้างกรณีฉุกเฉินไม่รับบัตร ราคาน้ำมันที่สโลวีเนีย และโครเอเชียจะราคาถูกกว่าในประเทศอิตาลี และออสเตรีย
- เปิดไฟหน้า headlamp เสมอ แม้จะเดินทางเวลากลางวัน ไฟส่องตัดหมอก Fog lamp เปิดได้เฉพาะเมื่อมีหมอกลงหนาจัด
- คนขับและผู้โดยสารทุกคนต้องใส่เข็มขัดนิรภัย
- ในเขตภูมิภาคติดภูเขาของอิตาลี ออสเตรีย สโลวีเนีย และโครเอเชีย จะมีกฎว่ารถทุกคันต้องติดตั้ง Snow Tyre หรือ Snow Chain ประมาณระหว่างวันที่ 15 พย. ถึง 15 มีค.เวลาเช่ารถส่วนใหญ่จะจัดให้อยู่แล้วเพียงแต่เสียงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย
- สำหรับทางชันขึ้น-ลงภูเขา ผู้ที่ขับทางลงต้องให้สิทธิ์ผู้ที่ขับรถทางขึ้นไปก่อน
- ระมัดระวังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลก์ ก่อนขับรถถ้าโดนตรวจและพบว่ามีแอลกอฮอลก์อยู่ในกระแสเลือดเกิน 0.5% ท่านจะโดนจับและปรับสูงมาก
- ขับรถผ่านทางม้าลาย ถ้ามีคนเดินถนนเตรียมตัวจะข้าม ต้องหยุดให้คนข้ามทุกครั้ง
- ขับรถเข้าวงเวียนต้องให้รถในวงเวียนไปก่อนเสมอ
- ในสถานะการณ์ที่ทางแยกที่ถนนมีระดับความสำคัญเท่ากัน ให้ทางรถทางขวาไปก่อน
มาแนะนำให้รู้จักป้ายสัญญานจราจรที่สำคัญ
การขับรถในยุโรป ควรจะทำความรู้จัก ป้ายสัญญานจราจรต่างๆ เอาไว้บ้างไม่เสียหลาย จะได้ไม่ทำผิดกฏจราจรให้โดนปรับเพราะความไม่รู้ ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดแต่เข้าใจป้ายเฉพาะที่สำคัญๆ ก็พอค่ะ ต้าร์เอาตัวอย่างป้ายที่พบเจอบ่อยๆ ระหว่างทางในการขับขี่รถยนต์ในยุโรปนะคะ
ป้ายห้าม( Prohibition signs) ต่างๆ
เกี่ยวกับการจอดรถ
ป้ายห้าม( Prohibition signs) ต่างๆ
เกี่ยวกับการจอดรถ
ป้าย 1 ห้ามจอด(แต่หยุดได้ชั่วคราว) ป้ายที่ 2ห้ามหยุดหรือจอดเด็ดขาด ป้ายที่ 3 ที่จอดรถ จอดได้แต่เสียเงินเส้นที่พื้นถนนจะเป็นสีฟ้า ถ้าจะหาที่จอดรถแบบไม่เสียเงิน ต้องมองหาเส้นสีขาว (มีไม่ค่อยเยอะหรอกค่ะ)อย่าไปจอดที่เส้นสีเหลืองเด็ดขาดเพราะเค้าสำรองไว้สำหรับรถคนพิการ หรือคนที่จำเป็น
ป้าย 1 และ 2 หมายถึงห้ามขับรถตรงเข้าไป (เดินรถทางเดียวด้านฝั่งตรงข้าม)ป้ายที่ 3 ห้ามแซง ป้ายที่ 4 ห้ามวิ่งเร็วเกินกว่า 50 กม.ต่อชม.อาจจะเปลี่ยนตัวเลขตามลักษณะถนนต่างๆ (ดูหัวข้อกำหนดความเร็ว)
ป้ายบอกสิทธิ์ (Priority signs)
ป้าย 1 Yield หมายถึง เมื่อถึงทางแยก ต้องชะลอและให้ทางกับถนนทางเอกถ้าไม่มีรถคันอื่นก็ไปได้เลย ป้าย 2 Stop หมายถึง เมื่อถึงทางแยกต้องหยุดและให้ดูให้แน่ใจว่าไม่มีรถในทางเอกจึงจะไปได้ ป้าย 3 ทางแยกที่มีสิทธิ์เท่ากันกฎคือ ให้ทางรถทางขวาไปก่อนเสมอ(right of way to the right)ป้าย 4 มักจะติดที่ถนนแคบๆ ให้สิทธิ์กับรถฝั่งตรงข้ามไปก่อนหากต้องหลบกัน
ป้ายคำสั่ง (Mandatory signs)
ทั่วไปก็จะบอกให้ปฏิบัติตามป้ายเช่น ให้เลี้ยวซ้าย ขวา ตรงไป เป็นต้น อันที่ 3 ก่อนสุดท้าย เป็นป้ายบอกว่ามีวงเวียนด้านหน้า เมื่อเข้าวงเวียนให้ชะลอและให้ทางรถที่อยู่ในวงเวียนที่มาจากทางด้านซ้ายไปก่อนเสมอ ป้าย 2 ก่อนสุดท้าย บอกว่าต้องติด snow tyre ป้ายสุดท้ายเตือนว่ามีด่านตรวจศุลกากรอยู่ด้านหน้า
สุดท้ายป้ายเตือน Warning signs จะเป็นการบอกให้ทราบลักษณะถนน (road conditions) ต่างๆ
ค่าธรรมเนียมผ่านทางมอเตอร์เวย์
บางครั้งมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้บริการมอเตอร์เวย์เพื่อให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องวิ่งลัดเลาะระหว่างเมืองที่จำกัดความเร็ว ลองมาดูค่าบริการมอเตอร์เวย์ของประเทศแถวๆ นี้กันค่ะ
ประเทศอิตาลี
เสียค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์(Autostrada) ด้วยระบบ Pay as you go คือจ่ายเท่าที่ใช้ Tariffต่อหนึ่งกิโลเมตร จ่าย 0.066 ยูโร(2.64 บาท) หรือ 0.078 ยูโร (3.12 บาท) สำหรับบางเส้นทางที่เป็นหุบเขาและอุโมงค์เยอะ ตัวอย่างเช่น ถ้าขึ้นไปใช้ทางด่วน 100 กิโลเมตร ก็จ่าย ราวๆ .066 X 100 km ประมาณ6.6 ยูโร (อาจจะมีการปัดเศษ) เป็นต้น จริงๆ มันก็มีบัตรลดราคาต่างๆ อยู่เหมือนกันแต่มันเป็นบัตรเดือน บัตรปี Telepassซึ่งเหมาะกับคนท้องถิ่นมากกว่า ระบบเครือข่ายมอเตอร์เวย์ของอิตาลี ดูที่นี่ค่ะ http://autostrade.it/en/autostrade/percorso.do
เสียค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์(Autostrada) ด้วยระบบ Pay as you go คือจ่ายเท่าที่ใช้ Tariffต่อหนึ่งกิโลเมตร จ่าย 0.066 ยูโร(2.64 บาท) หรือ 0.078 ยูโร (3.12 บาท) สำหรับบางเส้นทางที่เป็นหุบเขาและอุโมงค์เยอะ ตัวอย่างเช่น ถ้าขึ้นไปใช้ทางด่วน 100 กิโลเมตร ก็จ่าย ราวๆ .066 X 100 km ประมาณ6.6 ยูโร (อาจจะมีการปัดเศษ) เป็นต้น จริงๆ มันก็มีบัตรลดราคาต่างๆ อยู่เหมือนกันแต่มันเป็นบัตรเดือน บัตรปี Telepassซึ่งเหมาะกับคนท้องถิ่นมากกว่า ระบบเครือข่ายมอเตอร์เวย์ของอิตาลี ดูที่นี่ค่ะ http://autostrade.it/en/autostrade/percorso.do
ประเทศโครเอเชีย
ระบบเหมือนอิตาลี ค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ก็พอๆ กับอิตาลี ตัวอย่างเช่นระยะทางระหว่าง Zagreb – Rijeka ประมาณ 150 kms. จ่าย69 Kuna หรือประมาณ 9.5 ยูโร ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.arz.hr/index.php?page=4&lng=2
ระบบเหมือนอิตาลี ค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ก็พอๆ กับอิตาลี ตัวอย่างเช่นระยะทางระหว่าง Zagreb – Rijeka ประมาณ 150 kms. จ่าย69 Kuna หรือประมาณ 9.5 ยูโร ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.arz.hr/index.php?page=4&lng=2
ประเทศออสเตรีย
มีระบบการเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์( Autobahn) ของออสเตรียเป็นแบบจ่ายเหมาล่วงหน้า โดยต้องซื้อสติกเกอร์ผ่านทางล่วงหน้าที่เรียกว่าVignette โดยราคา Vignette ถูกที่สุดแบบ 10วันจะอยู่ที่ 8.30 ยูโร นอกจากนั้นก็อาจจะมีค่าผ่านทางเพิ่มเติมอื่นๆ ในมอเตอร์เวย์บางเส้นทาง ถ้าคุณเอารถเข้าไปวิ่งในเส้นทางมอเตอร์เวย์หรือไฮเวย์ของออสเตรียโดยไม่มี Vignette ติดหน้ารถคุณจะโดนปรับที่ด่านทางออก240 ยูโร หากไม่สามารถจ่าย ณ ที่จ่ายได้ค่าปรับอาจสูงขึ้นไปอีกถึง 300ยูโร – 3000ยูโร ต้าร์เองมีประสบการณ์ไปขับรถที่ออสเตรียไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่จะขับในถนนท้องถิ่นอยู่ในเขตชายแดนอิตาลี-ออสเตรีย ยังไม่เคยขึ้นมอเตอร์เวย์ของออสเตรียซะที แต่รอบหน้านี่จะขับไปถึงเมืองหลวงเวียนนา คงได้ใช้ Vignette ผ่านทางแน่นอน เวปไซค์ที่เกี่ยวข้องhttp://www.austria.info/us/plan-your-trip/driving-regulations-in-austria-1084578.html
มีระบบการเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์( Autobahn) ของออสเตรียเป็นแบบจ่ายเหมาล่วงหน้า โดยต้องซื้อสติกเกอร์ผ่านทางล่วงหน้าที่เรียกว่าVignette โดยราคา Vignette ถูกที่สุดแบบ 10วันจะอยู่ที่ 8.30 ยูโร นอกจากนั้นก็อาจจะมีค่าผ่านทางเพิ่มเติมอื่นๆ ในมอเตอร์เวย์บางเส้นทาง ถ้าคุณเอารถเข้าไปวิ่งในเส้นทางมอเตอร์เวย์หรือไฮเวย์ของออสเตรียโดยไม่มี Vignette ติดหน้ารถคุณจะโดนปรับที่ด่านทางออก240 ยูโร หากไม่สามารถจ่าย ณ ที่จ่ายได้ค่าปรับอาจสูงขึ้นไปอีกถึง 300ยูโร – 3000ยูโร ต้าร์เองมีประสบการณ์ไปขับรถที่ออสเตรียไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่จะขับในถนนท้องถิ่นอยู่ในเขตชายแดนอิตาลี-ออสเตรีย ยังไม่เคยขึ้นมอเตอร์เวย์ของออสเตรียซะที แต่รอบหน้านี่จะขับไปถึงเมืองหลวงเวียนนา คงได้ใช้ Vignette ผ่านทางแน่นอน เวปไซค์ที่เกี่ยวข้องhttp://www.austria.info/us/plan-your-trip/driving-regulations-in-austria-1084578.html
ประเทศสโลวีเนีย
เช่นเดียวกับ ออสเตรีย คือ ต้องซื้อสติกเกอร์ผ่านทางล่วงหน้าที่เรียกว่าVignette โดยราคา Vignette ของสโลวีเนีย ถูกที่สุดแบบ7 วันจะอยู่ที่ 15 ยูโร สามารถหาซื้อได้ตามปั้มน้ำมันทั่วไปในประเทศสโลวีเนีย รวมทั้งเมืองชายแดนอิตาลีติดสโลวีเนีย อย่าง Trieste, Udine และGorizia การใช้ให้ติดไว้ที่หน้ารถด้านซ้ายบน หรือล่าง ถ้าคุณเอารถเข้าไปวิ่งในไฮเวย์ของสโลวีเนีย แล้วไม่มี Vignette ตัวนี้ ตรงทางออกจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเช็คคุณจะโดนปรับประมาณ 200 ยูโร ทางที่ดีควรจะซื้อเตรียมไว้ก่อน จริงๆ คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ขึ้นทางด่วนสโลวีเนียก็ได้ แต่มันจะทำให้การเดินทางของคุณล่าช้าลง เพราะถนนท้องถิ่นที่ไม่ใช้ไฮเวย์ของสโลวีเนียนั้นส่วนใหญ่ จะวิ่งตัดผ่านหมู่บ้านต่างๆ ถนนเล็ก บางจุดจะค่อนข้างชัน แคบและถนนขรุขระอีกด้วย ทำให้คุณต้องขับช้าๆ อาทิเช่น ถนนไปยัง bled และ ทะเลสาป Bohinj แบบไม่ขึ้นทางด่วน เส้นทางนั้นขับยากทีเดียว รายละเอียดเกี่ยวกับ Vignette และระบบไฮเวย์ของสโลวีเนียดูที่นี่ค่ะhttp://www.dars.si/Dokumenti/Toll/Methods_of_payment/Vehicles_up_to_35_t/Vignette_308.aspx
เช่นเดียวกับ ออสเตรีย คือ ต้องซื้อสติกเกอร์ผ่านทางล่วงหน้าที่เรียกว่าVignette โดยราคา Vignette ของสโลวีเนีย ถูกที่สุดแบบ7 วันจะอยู่ที่ 15 ยูโร สามารถหาซื้อได้ตามปั้มน้ำมันทั่วไปในประเทศสโลวีเนีย รวมทั้งเมืองชายแดนอิตาลีติดสโลวีเนีย อย่าง Trieste, Udine และGorizia การใช้ให้ติดไว้ที่หน้ารถด้านซ้ายบน หรือล่าง ถ้าคุณเอารถเข้าไปวิ่งในไฮเวย์ของสโลวีเนีย แล้วไม่มี Vignette ตัวนี้ ตรงทางออกจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเช็คคุณจะโดนปรับประมาณ 200 ยูโร ทางที่ดีควรจะซื้อเตรียมไว้ก่อน จริงๆ คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ขึ้นทางด่วนสโลวีเนียก็ได้ แต่มันจะทำให้การเดินทางของคุณล่าช้าลง เพราะถนนท้องถิ่นที่ไม่ใช้ไฮเวย์ของสโลวีเนียนั้นส่วนใหญ่ จะวิ่งตัดผ่านหมู่บ้านต่างๆ ถนนเล็ก บางจุดจะค่อนข้างชัน แคบและถนนขรุขระอีกด้วย ทำให้คุณต้องขับช้าๆ อาทิเช่น ถนนไปยัง bled และ ทะเลสาป Bohinj แบบไม่ขึ้นทางด่วน เส้นทางนั้นขับยากทีเดียว รายละเอียดเกี่ยวกับ Vignette และระบบไฮเวย์ของสโลวีเนียดูที่นี่ค่ะhttp://www.dars.si/Dokumenti/Toll/Methods_of_payment/Vehicles_up_to_35_t/Vignette_308.aspx
หน้าตา Vignette ของสโลวีเนีย
แนะนำเวปไซค์นี้มีข้อมูลเกี่ยวกับระบบการจ่ายเงินมอเตอร์เวย์ของทุกๆ ประเทศในยุโรป และสามารถสั่งซื้อ vignette ล่วงหน้าได้ด้วยค่ะ
ที่จอดรถ
เรื่องที่จอดรถก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อมาขับรถในต่างประเทศ จากประสบการณ์ส่วนตัว คิดว่าราคาที่จอดรถในยุโรปจะว่าแพงก็แพง จะว่าไม่แพงก็ไม่แพง ขึ้นอยู่กับสถานที่ๆ จะไปจอด ถ้าหากขับรถเที่ยวนอกเมือง ที่พักอยู่นอกเมืองในเขตชนบทเรื่องที่จอดรถไม่มีปัญหาเลยค่ะ แต่ถ้าเข้ามาในเมือง อย่างเมืองทั่วๆ ไปในอิตาลี เมือง Trieste ค่าที่จอดรถใจกลางเมือง แถวบ้านต้าร์ ติดSquare กลางเมืองหน้าทะเลจะอยู่ที่ประมาณชั่วโมงละ 1 ยูโร ถ้าจะจอดทั้งวัน มันจะมีที่จอดรถพิเศษอยู่ตรงท่าเรือเก่าที่ไม่ไกลจากกลางเมืองPiazza Unità จะอยู่ที่วันละ8 ยูโร แต่ที่ Trieste นี่คือเมืองเล็กๆ เมืองใหญ่อย่างมิลาน โรม ฟลอเร้นซ์ เวนิส คิดว่าค่าที่จอดรถจะแพงกว่านี้ซัก2-3 ยูโรต่อชั่วโมงได้มั้งคะ และที่จอดรถก็คงจะหายากกว่าเมืองTrieste ด้วย
ส่วนทริปโครเอเชียที่ต้าร์กำลังจะไปกับเพื่อนอาทิตย์หน้า เมืองแรกที่จะพักนี่คือเมือง Pula เราจะพักกันที่อพาร์ทเม้นต์ติดRoman Amplitheater เพิ่งสอบถามไปล่าสุดเค้าแจ้งค่าที่จอดรถแจ้งมาที่10 ยูโรทั้งวัน และที่ Zagreb ที่พักใกล้กับ Main Squareค่าที่จอดรถ 13 ยูโรทั้งวัน ที่ Plitvice Lake National Park ที่จอดรถคิดชั่วโมงละ 7 KN หรือ 1 ยูโร ถ้าจะจอดในลานจอดรถของ Park แต่ต้าร์วางแผนกับเพื่อนว่าจะจอดไว้ที่ที่พักจอดฟรีห่างจากทางเข้า 1 กม. แล้วเดินมาเที่ยวเอาค่ะ
การขับรถในยุโรปถ้าทำตามกฎจราจรและระมัดระวัง ต้าร์ว่าก็ไม่ยากจนเกินไป
ขับรถเที่ยวให้สนุกและปลอดภัย ใครผ่านมาทาง Trieste ก็แวะทักทายบ้างนะคะ
อยากพูดคุยหรือทักทายกันได้ ขอไปที่ Facebook.com/BlueSeaTriesteItaly นะคะ
ไม่ได้เซตให้รับข้อความอัตโนมัติที่ blog นี้ค่ะ







No comments:
Post a Comment